ฝุ่น PM 2.5 ยังคงวนเวียนอยู่ไม่จากไปไหนง่ายๆ และนับวันจะรุนแรงขึ้น การป้องกันเบื้องต้นด้วยตัวเองคือการสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่จะเลือกหน้ากากอนามัยแบบไหนจึงจะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ระดับต่างๆ ได้ มีคำแนะนำจาก พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการเลือกหน้ากากอนามัยที่แตกต่างกันในกลุ่มต่างๆ และระดับความรุนแรงของฝุ่นในแต่ละวัน

พญ.จุไร ระบุว่าหน้ากากแต่ละประเภทจะมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 ต่างกัน จึงต้องเลือกหน้ากากให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มและสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 โดยหน้ากาก N95 ทั้งแบบมีวาล์วและไม่มีวาล์ว สามารถกรองฝุ่นได้ 95% และหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 (กรณีแนบสนิทใบหน้า) กรองฝุ่นได้ 50-70% ทั้งสองประเภทนี้สามารถใช้ได้ทุกกลุ่ม ส่วนหน้ากากผ้าฝ้าย 3 ชั้น กรองฝุ่นได้ประมาณ 40% หน้ากากผ้ามัสลิน กรองได้ประมาณ 37% ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคประจำตัว

ภาพจากกระทรวงสาธารณสุข
ภาพจากกระทรวงสาธารณสุข

...

ทั้งนี้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 สูง ได้แก่

  1. เด็กเล็ก ซึ่งมีอัตราการหายใจสูงกว่าผู้ใหญ่
  2. หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งจะส่งผลต่อทารกในครรภ์และทำให้คลอดก่อนกำหนด
  3. ผู้สูงอายุ ซึ่งระบบหายใจมีความเสื่อมตามวัย
  4. ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง อาทิ ตำรวจจราจร พนักงานกวาดถนน เก็บขยะ พ่อค้าแม่ค้าริมทาง มอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนงานก่อสร้าง ซึ่งมีโอกาสสัมผัสฝุ่นเวลานาน
  5. ผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปอด โรคหืด โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
  6. ผู้ที่มีโรคประจำตัว 4 กลุ่มโรค คือ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหืด กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ