วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) และสมาคมต่อต้านมะเร็งสากล กำหนดให้เป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อบรรเทาปัญหาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า แต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 คน โดยมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเม็ดเลือดขาว

แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่มีจำนวนมากจนน่ากังวล แต่ในทางกลับกันการดูแลใส่ใจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ รวมทั้งช่วยบรรเทาความรุนแรงของโรคอีกทางหนึ่ง โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะแนวทางการปรับพฤติกรรมตนเองเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งไว้ดังนี้

  1. เลี่ยงการสูบบุหรี่ งดดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก
  2. เลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหมักดอง ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
  3. เลี่ยงการกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์รมควัน ปิ้ง ย่าง ทอดจนไหม้เกรียม เพราะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
  4. เลี่ยงอาหารที่ใส่สารกันเสีย เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม กุนเชียง แหนม เป็นต้น หากซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือรับประทานเป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ เช่น กระเพาะอาหารและลำไส้ได้
  5. เลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืด เพราะอาจปนเปื้อนพยาธิใบไม้หรือสารพิษจากแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี
  6. เลี่ยงการรับมลพิษ ฝุ่นควัน สารพิษ สารเคมี เช่น บริเวณที่มีการเผาไหม้จากท่อไอเสียของเครื่องยนต์ ควันบุหรี่ การเผาขยะเผาหญ้า เผาเชื้อเพลิงที่ใช้ในโรงงาน รวมถึงช่วงเวลาที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอากาศสูง เพราะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด หากมีความจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณดังกล่าวควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นควัน
  7. เลี่ยงการได้รับแสงแดดจัดหรือแสงแดดโดยตรง โดยไม่ได้รับการป้องกันนานเกินไป เนื่องจากความร้อนสูงและรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อเซลล์อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ควรป้องกันโดยเลี่ยงการตากแดดในเวลาแดดจัดนานเกินไป หรือทาครีมกันแดด สวมใส่เสื้อผ้าและใช้อุปกรณ์กันแดดที่เหมาะสม

...

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ด้านสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เผย 5 วิธีป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจไว้ดังนี้

  1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอกโคลี ฯลฯ เพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
  2. รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่นๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
  3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และวิตามินเอสูง เช่น ผัก ผลไม้ สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกล่องเสียง และมะเร็งปอด
  4. รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร
  5. ควบคุมน้ำหนักตัว เพราะโรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมดลูก มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การออกกำลังกายและการควบคุมอาหารที่มีแคลอรี่สูง จะช่วยป้องกันมะเร็งเหล่านี้ได้

นอกจากนี้ ยังควรเฝ้าระวังตนเองเบื้องต้น ด้วยการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปหรือผู้ที่มีความเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็ง ได้แก่

  1. มะเร็งเต้านม ผู้หญิงควรตรวจคัดกรองโดยการคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ และการทำแมมโมแกรม (mammogram)
  2. มะเร็งปอด ผู้ที่สูบบุหรี่มาเป็นเวลานานควรมาตรวจคัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี
  3. มะเร็งลำไส้ใหญ่ คนทั่วไปอายุตั้งแต่ 45-50 ปี ควรมาตรวจคัดกรองโดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่เป็นประจำทุกปี เป็นต้น
  4. มะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป ควรมาตรวจคัดกรองโดยการตรวจเลือด เพื่อดูค่ามะเร็งต่อมลูกหมาก
  5. มะเร็งตับ ผู้ที่มีภาวะตับอักเสบหรือคนที่มีเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี ควรตรวจคัดกรองโดยการอัลตราซาวด์ท้องช่วงบน และการตรวจค่ามะเร็งตับ
  6. มะเร็งช่องปาก ควรตรวจสุขภาพฟันและช่องปากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อดูแลเหงือก ฟัน และความผิดปกติในช่องปาก หรือสังเกตรอยโรคด้วยตนเอง เป็นต้น
ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

ขณะเดียวกันก็ควรสังเกตอาการและความผิดปกติต่างๆ ของร่างกายตนเอง ที่อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคภัยต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็ง โดยโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้แนะนำให้เฝ้าระวังอาการต่อไปนี้

  • มีก้อนเนื้อเกิดขึ้นในร่างกาย เช่น ที่เต้านม หรือส่วนอื่น ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบ
  • อาการไอและเสียงแหบแห้ง หากมีอาการไอต่อเนื่องหรือเสียงแหบ ควรปรึกษาแพทย์
  • ความผิดปกติในระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรืออุจจาระมีเลือดปน
  • ความผิดปกติในกระเพาะปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะลำบาก หรือมีเลือดปน
  • อาการปวดแบบไร้สาเหตุ ปวดตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • น้ำหนักลดโดยไร้สาเหตุ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนการกินหรือการออกกำลังกาย
  • กลืนอาหารลำบาก รู้สึกติดขัดหรือเจ็บเมื่อกลืนอาหาร
  • เลือดออกผิดปกติ เช่น ไอเป็นเลือด หรือเลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่มีสาเหตุ
  • การเปลี่ยนแปลงของไฝบนผิวหนัง ไฝที่ขยายขนาดหรือเปลี่ยนสี
ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

การตรวจคัดกรองมะเร็งและการสังเกตความผิดปกติของร่างกายตนเองจะช่วยให้เราเฝ้าระวังและหาทางรับมือได้ดีขึ้น เพราะหากพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นก็สามารถทำการรักษาได้เร็วและเพิ่มโอกาสในการรักษาหายได้มากขึ้นนั่นเอง