“ก๊วนเซราะกราว” เอาปี๊บคลุมหัวฉลองกันแบบกวนๆ เล่นมุกยั่วเย้ยยียวน อารมณ์เกรียนสไตล์ “อาจารย์หนู-ครูใหญ่เน” ได้ที “อวดของ” ภายหลังโชว์ฤทธิ์ “มนต์เขมร” เสก “ควายธนู” ลากคนของบ้านใหญ่ สายสีน้ำเงิน มุดลงใต้ดิน โผล่ยึดนายก อบจ.เป็นกอบเป็นกำ
เงียบๆแต่กวาดเรียบ กระจายกำลังยึดทุกภาค เหนือ กลาง อีสาน ใต้
สำนักภูมิใจไทยยืดอก ขึ้นแท่นเจ้าตำรับเกมอำนาจการเมืองโบราณ ขณะที่ขบวนสีแดงของทีมเพื่อไทย ตีปี๊บฉลองชัยได้แบบไม่สุดเสียง เพราะอีกทางก็ต้องแท็กทีมรวมพลังปลุกพระ “หลวงตาแม้ว”
โต้กระแสวิจารณ์ เสียงปรามาส “เสื่อมมนต์ขลัง”
ตามรูปเกมที่นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในวงเซียนการเมืองวิเคราะห์คนของทีมสีแดงชนะศึกนายก อบจ.แบบถอยหลัง พลังของ “นายใหญ่” ไม่อาจหามแห่ชัยชนะได้แบบสุดเสียง
ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ โฟกัสสนามเดิมพัน ศรีสะเกษ เชียงราย ลำพูน หมุดหมายสำคัญที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน ทุ่มทุ่นสร้าง ลงทุนเดินสายปราศรัยหาเสียงแบบถึงไหนถึงกัน
หมายมั่นปั้นมือล็อกให้ได้ แต่หลุดเป้าหมด หรือแม้แต่ฐานบ้านเกิด อบจ.เชียงใหม่ ที่ชนะแบบหืดขึ้นคอ เหงื่อตกกีบ มวยเอกของพรรคเพื่อไทยเฉือนเข้าป้ายไปได้แบบฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด
คว้าชัยแบบไม่ขาด แดงกินส้มได้แค่ครึ่งลูก
ส.อบจ.นครพิงค์ถูกพรรคประชาชนแบ่งไปอื้อซ่า ตอกย้ำโจทย์ยาก ทำให้ค่ายเพื่อไทยต้องคิดหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเดิมพันใส่หมดหน้าตัก “นายใหญ่” ประกาศฟื้นความยิ่งใหญ่ ทวงคืนพื้นที่สนามเชียงใหม่จากกองทัพส้ม
เส้นทางยิ่งวิบากในการเดินไปสู่การเลือกตั้ง เป้าหมาย สส. 200 เสียง
เพื่อไทยต้องถกเถียงกันอีกนาน ปลุกพระ “หลวงตาแม้ว” ยัง “ขลัง” หรือ “เสื่อมมนต์ขลัง” แต่ที่ “ขัง” ยังไงก็ไม่อยู่ ทีมเด็กรุ่นใหม่ ค่ายประชาชนสามารถ “แจ้งเกิด” การเมืองสนามท้องถิ่นได้เป็นครั้งแรก ปักธงสีส้มได้อย่างสมศักดิ์ศรีที่เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.ลำพูน
...
“เก้าอี้เดียวก็เสียวได้” ลำพูนไม่ลำพัง
เพราะมันยังหมายรวมถึงการเชื่อมโยงทางภูมิศาสตร์ พื้นที่ลำพูนติดกับจังหวัดเชียงใหม่ สะท้อนกระแสความตื่นตัว “สีส้มลาม” ติดกันในหัวเมืองเหนือ นั่นยังไม่นับหัวเมืองใหญ่ติดกรุงเทพฯ อย่างสมุทรปราการ ที่พรรคประชาชนแพ้ แต่แต้มขึ้นหลักแสน จี้ติดผู้ชนะบ้านใหญ่ปากน้ำแบบหายใจรดต้นคอ
ขณะที่ยอดบัตรเสียทะลุ 4-5 หมื่นใบ ตัวเลขทะลัก “ไม่ปกติ”
ณ จุดที่ “แต้มฟรี” มีอยู่จริง พิสูจน์ว่าความตั้งใจขายอุดมการณ์ กองทัพส้มที่ยืนนิ่งบนมาตรฐานการเมืองใหม่ ลงทุนลงแรงเดินหาเสียงในตลาด ขี่จักรยานเคาะประตูบ้าน ขึ้นรถแห่ตากแดดหน้าดำ
ฝ่าดง “ตำบลกระสุนตก” ไปขอคะแนนฟรีจากชาวบ้าน “ได้ผล”
ที่สำคัญว่ากันตามหลักสถิติ ตัวเลขเชิงวิทยาศาสตร์ แบบที่ค่ายประชาชนรีบยึด “ป่าซางโมเดล” ในการถอดบทเรียน ต่อยอดยุทธศาสตร์การหาเสียงชิงพื้นที่ในศึกเลือกตั้งใหญ่
ยึดตามสถิติที่คนลำพูนทำยอดประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.สูงสุดกว่าร้อยละ 73 ทำให้คะแนนของกองทัพส้มเข้าป้าย นั่นหมายถึงยอดคนใช้สิทธิยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งแปรผันตามโอกาสชนะของพรรคประชาชน ที่กระแสความนิยมติดลมบน
เหลือโจทย์การบ้านแค่รณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิหย่อนบัตรกันเยอะๆ
ขีดย้ำเส้นใต้ รณรงค์ให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งกันมากๆ นี่คือ ภารกิจเด็กรุ่นใหม่ โดยไม่ต้องหวังพึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรง
เพราะยังงงๆ เหมือน “หลงอยู่ในดงลูกมั่ว” คิดได้กับการจัดเลือกตั้งวันเสาร์ แทนที่จะเป็นวันอาทิตย์แบบปกติ ทำให้คนหนุ่มสาว วัยทำงานไม่สะดวกในการกลับไปเลือกตั้งที่ถิ่นฐานภูมิลำเนา
การจัดหน่วยเลือกตั้งแบบลึกลับซับซ้อนหายากเหมือนลายแทง คนสับสนโทร.สายด่วน กกต.จนไหม้
ฟอร์มนัว เขี่ยลูกมั่วเข้าทางคู่แข่งขัน เข้าทางอิทธิพลบ้านใหญ่ ระบบหัวคะแนนโบราณ สถานการณ์ที่คนออกมาเลือก อบจ.ทั่วประเทศ แค่ร้อยละ 58 กว่าๆ ห่างไกลเป้าที่วางไว้ต่ำๆ 65 เปอร์เซ็นต์
สถิติ “บัตรเสีย” มากเป็นประวัติการณ์ แม้ในพื้นที่เมืองใหญ่ สมุทรปราการ เชียงใหม่
บ้อท่าเห็นๆ แต่ “เดอะแหวง เซราะกราว” นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ก็ยังประสานเสียงกับนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. แถลงด้วยความมั่นใจ ภาพรวมเลือกตั้ง อบจ.เรียบร้อยดี
มาตรฐานระดับนี้ นับประสาอะไรกับไล่จับพวกซื้อเสียง
ชาวบ้านพูดกันให้แซ่ด จ่ายกันว่อนยิ่งกว่าบ่อนถั่วโปไฮโลน้ำเต้า.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม