ฝุ่น PM2.5 ไทยหนักติดอันดับโลก "ลานีญา" ทำให้ฝุ่นมีขนาดเล็กจิ๋วกว่าเดิม ฟุ้งกระจายไปไกล เตือนระวังปอดพัง คาดอีกระลอก 29 ม.ค. นี้ "มูลนิธิบูรณะนิเวศ" มองผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาดยังไม่พอ ต้องใช้ยาแรงกฎหมาย PRTR ควบคุมต้นตอควันพิษ รายงานสถิติแหล่งกำเนิดฝุ่น

ปี 2568 เริ่มต้นปี ไทยติดอันดับโลก 8 เมืองมลพิษทางอากาศ ที่มีฝุ่นมากสุด ศ.ดร. พิสุทธิ์ เพียรมนกุล อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์สาเหตุทำให้ฝุ่น PM2.5 ทวีความรุนแรงว่า ด้วยสภาพอากาศปีนี้เป็นระบบปิด มีลมถ่ายเทน้อย เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา และมีสภาพอากาศหนาวยาวนาน เลยเป็นปัจจัยทำให้มีปริมาณฝุ่นเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน

ปัจจัยต่อมาที่ทำให้เกิดฝุ่น มาจากการเผาในที่โล่งไม่ได้ลดลง ประกอบกับปีนี้เศษซากใบไม้แห้งแล้งกว่าปีก่อน ทำให้เป็นเชื้อเพลิงที่เกิดการเผาไหม้ได้ดี และเกิดฝุ่นผงขนาดเล็กลงกว่าเดิม

“จากการคาดการณ์ว่าวันที่ 29 ม.ค. 68 จะมีปริมาณฝุ่นกระทบต่อสุขภาพอีกครั้ง แต่คงไม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะเจ้าหน้าที่รัฐเริ่มมีการควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น ที่เกิดจากการเผาของมนุษย์ แต่ปริมาณฝุ่นก็ไม่น่าจะหายไปรวดเร็วในทันที”

วงจรฝุ่นในไทย ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. มีฝุ่นมากในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล เนื่องจากมีกำลังลมพัดผ่านค่อนข้างนิ่ง ประกอบกับตึกสูง สิ่งก่อสร้างบดบังทางลม ทำให้ฝุ่นที่พัดออกสู่ทะเลได้น้อย ส่วนช่วงเดือน เม.ย. - พ.ค. ฝุ่นเพิ่มจำนวนมากในพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตก เริ่มมีการเผาในที่โล่ง และทิศทางลมเริ่มพัดเข้ามาในไทยทางภาคเหนือ ซึ่งกรุงเทพฯ อาจได้รับผลกระทบ แต่ไม่มากเท่ากับช่วงต้นปี จากนั้นช่วงปลายปี ฝุ่นมีมากขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ของไทย น่าสนใจว่าช่วงหลังฝุ่นควันทางภาคใต้เริ่มบรรเทาลง เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้น

...

แนวทางแก้ไขเรื่องฝุ่น ควรมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ช่วยควบคุมจุดกำเนิดฝุ่น มีการลงโทษทั้งในส่วนของค่าปรับให้ชัดเจนมากขึ้น อีกปัจจัยสำคัญคือ สภาพอากาศปิด เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยาก เกี่ยวโยงกับประเด็นโลกร้อน หรือ ลานีญา ค่อนข้างมาก จึงต้องมีการทำฝนหลวง เพื่อลดปริมาณฝุ่น

ส่วนในเมืองที่เกิดขึ้นใหม่ ต้องมีการวางผังเมือง หากพื้นที่นั้นเป็นทางผ่านของฝุ่น ต้องมีผังเมืองควบคุม ไม่ให้มีสิ่งก่อสร้างมาขวางทางลม โดยเฉพาะเมืองที่กำลังขยายตัวในพื้นที่ปริมณฑล เช่นเดียวกับพื้นที่สีเขียวในพื้นที่เมือง ช่วงหลังมีปริมาณลดลง ซึ่งการเพิ่มพื้นที่สีเขียวจะช่วยลดปัญหาฝุ่นในภาพรวมได้

ดันกฎหมาย PRTR ควบคุมต้นตอควันพิษ

แนวทางแก้ไข แม้ตอนนี้ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด อยู่ในช่วงผลักดันเพื่อให้เกิดการบังคับใช้ แต่สำหรับ "เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง" ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ มองการบังคับใช้เพิ่มเติมว่า ถึงหลายคนมีความหวังกับการผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ต้นตอปัญหาคือ ไทยไม่มีฐานข้อมูลรายงานการปล่อยฝุ่นพิษในอุตสาหกรรมแต่ละประเภท

ถ้าไม่มีฐานข้อมูลนี้ ต่อให้มี ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ประกาศออกมาใช้งาน แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าแหล่งกำเนิดฝุ่นมีกี่ประเภท แต่ละปีปล่อยออกมามากแค่ไหน ทำให้การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นเพียงการคาดเดาสถานการณ์เฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ

สิ่งนี้ทำให้ต้องมีการผลักดันกฎหมาย PRTR (Pollutant Release and Transfer Registers) คือ กฎหมายว่าด้วยการรายงาน เปิดเผยข้อมูลการปล่อย และการเคลื่อนสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม เป็นกฎหมายที่ทำให้เกิดฐานข้อมูลระดับประเทศ ที่รวมเอาข้อมูลการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอากาศ แหล่งน้ำ และพื้นดิน จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า เหมืองแร่ รวมถึงรถยนต์ประเภทต่างๆ และการใช้สารเคมีในภาคเกษตรด้วย

...

แหล่งมลพิษเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่ปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อมตลอดปี ทำให้อากาศเป็นพิษ จนประชากรที่ป่วยด้วยโรคจากมลพิษอากาศพุ่งสูงขึ้นทุกปี

กฎหมาย PRTR จะทำให้ “ฐานข้อมูล” นี้ ทุกคนเข้าถึงได้ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งข้อสำคัญคือ ทำให้ภาครัฐมีข้อมูลที่ถูกต้องและครอบคลุม สำหรับนำมาแก้ปัญหามลพิษอากาศ

การแก้ไขฝุ่น PM2.5 ถ้ามีการออกกฎหมาย PRTR จะเป็นการแก้ปัญหาตรงจุด เช่น ฤดูฝุ่น สามารถรู้ได้ทันทีว่า โรงงานแห่งไหนปล่อยฝุ่นพิษออกมาเยอะ ซึ่งหน่วยงานเกี่ยวข้องสามารถสั่งให้โรงงานนั้นหยุดทำการชั่วคราว เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่เกิดขึ้นได้ เป็นการแก้ปัญหาตรงจุด ถึงต้นตอที่ปล่อยฝุ่นออกมา

หลายคนมองว่า พื้นที่บ้านของตนเองอยู่ห่างจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยควันพิษ แต่จริงแล้วฝุ่นควันสามารถลอยไปได้ไกลตามแรงลม เช่น โรงงานดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก แต่ถ้าเป็นฤดูที่มีลมพัดมาถึงกรุงเทพ ฝุ่นจากโรงงานดังกล่าวก็จะแพร่กระจายมาถึงได้

"กฎหมาย PRTR มีบทลงโทษ ทั้งโรงงานที่รายงานไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือจงใจไม่รายงาน การลงโทษมีทั้งอาญา และการปรับเป็นค่าเสียหาย ดังนั้น นอกจาก ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่พยายามผลักดันอยู่แล้ว ยังต้องมีกฎหมาย PRTR ที่ช่วยให้เกิดการแก้ไขไปถึงต้นตอของฝุ่นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศในยุโรป มีปัญหาเรื่องฝุ่น ก็มีการผลักดันให้ใช้กฎหมายนี้ ซึ่งได้ผล เช่น อังกฤษ เป็นต้น"

...